วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

คลื่นลูกที่ 1/2/3/4 แตกต่างกันอย่างไร

 
ตอบ         คลื่นแต่ละลูกสะท้อนความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวิถีชีวิตของมนุษย์  เทคโนโลยีใหม่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงนั้น  ย้อนไปในสมัยโบราณ มนุษย์เราดำรงชีวิตด้วยการหาของป่าและล่าสัตว์จนมาถึงเมื่อราว ๑๐,๐๐๐ ปีที่แล้วจึงเกิดเทคโนโลยีใหม่ซึ่งได้แก่การค้นพบวิธีปลูกพืชและเลี้ยง สัตว์  การค้นพบนั้นก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ได้แก่ การตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนถาวรแทนการเร่ร่อนไปตามฤดูกาล 
คลื่นลูกแรก  
               คือ  ยุคแห่งเกษตรกรรม สังเกตได้จากการที่คนสมัยก่อนที่ มีที่เยอะทำเกษตรกรรมค้าขายเกี่ยวกับสินค้าเกษตรกรรม จะร่ำรวยมีเงินมีทอง และ ผู้ที่หลงเหลือจากยุคนั้นก็ยังมีให้เห็นอยู่ประปราย โดยที่ถ้าเราจะทำในยุคนี้นั้นแสนจะลำบากราคาค่าที่ดินเพิ่มขึ้นมาก คู่แข่งก็มากมาย

 
คลื่นลูกที่สอง  
               คือ  ยุคของอุตสาหรรม ช่วงที่ประเทศเกิดการพัฒนา เปลี่ยนแรงคนแรงสัตว์ให้เป็นแรง เครื่องจักร ก็ทำให้คนเบาแรงลง และก็ทำให้เจ้าของธุรกิจ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมเจริญรุ่งเรืองไปตามๆกัน รวมถึงโรงงานผลิตต่างๆนาๆที่ปัจจุบันก็ยังทำรายได้ดีอยู่ แต่ก็อีกเช่นกัน ครั้นเราจะเป็นเจ้าของโรงงานแบบนั้นอีก คงจะยากแล้ว เพราะหมดแล้วซึ่งยุคที่รุ่งเรืองด้านอุตสาหกรรม ต้องมีเงินมากพอเท่านั้นถึงจะอยู่ได้ยาวกว่าและเป็นอุตสาหกรรมที่ เกี่ยวข้องกับสิ่งที่มนุษย์จำเป็นต้องใช้นั่นเอง 

คลื่นลูกที่สาม   
                    คงไม่ต้องบรรยายมากเพราะมันคือ ยุคแห่งการสื่อสารไร้พรหมแดนยุคแห่งเทคโนโลยี ยุคที่จะทำให้คนที่มีความรู้ และทันสมัยพอที่จะเรียนรู้ คอมพิวเตอร์ จะเหมือนพยัคฆ์ติดปีกเลยทีเดียว สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายรูปแบบ และเป็นพื้นฐานของการทำงานในอีกหลายๆด้าน แทบจะทุกด้านเลยทีเดียว

คลื่นลูกที่สี่ 
             ที่ไม่ได้ใหม่กิ๊ก แต่สำหรับเมืองไทยยังไม่เป็นที่ยอมรับเท่าที่ควร ก็ได้พิสูจน์แล้วว่ามันคือลูกที่ 4 จริงๆ คือ ยุคของธุรกิจเครือข่าย ปัจจุบัน ต่างประเทศมากมายธุรกิจเครือข่ายเป็นที่ยอมรับ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่เปิดโอกาสให้คนทุกระดับชั้นเข้ามาศึกษาและสามารถประสบความสำเร็จได้ทั่วถึงกัน ณ จุดนี้เองที่ทำให้ผม มองดูธุรกิจเครือข่าย ในมุมมองใหม่ๆ มุมมองของการกระจายรายได้
การกระจายรายได้ของธุรกิจเครือข่ายนั้นไม่ธรรมดา อยู่ที่เจตนาของผู้ก่อตั้ง ว่าอยากให้มีการกระจายแบบเน้นที่กลุ่มไหน กลุ่มผู้บริโภค หรือ กลุ่มนักขาย ส่วนใหญ่ในช่วงแรกๆของการเปิดตัวธุรกิจแนวๆนี้ มักจะเป็นธุรกิจที่เน้นเครือข่ายนักขายเพราะตรงนั้นเองจะทำให้ ผู้ก่อตั้งได้รับผลประโยชน์สูงมากในระดับหนึ่ง แต่ก็เกิดการตัดราคาเหมือนการขายของแข่งกันขึ้น แข่งกันให้มากกว่า ให้กระจายกว่า จนสุดท้ายถึงตอนนี้ ถึงที่สุดแล้วคือการกระจายรายได้ที่ 60% ของราคาสินค้า ให้ผู้ที่เข้าร่วมธุรกิจ ส่วนตัวผมคิดว่าหากมากกว่านี้ สินค้าที่บริโภค ราคาจะไม่สมน้ำสมเนื้อกับคุณภาพแล้วนั่นเอง จึงกล่าวได้ว่าช่วงเวลาแห่งการสู้รบปรบมือกันเรื่องของการแบ่งจ่ายผลประโยชน์นั้นหมดไปแล้ว

ส่งโดย  นางสาว  เสาวภา  ประเมินชัย  บกจ.  3/2

อ้างอิง
http://myaimstar.exteen.com/20100804/entry

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น